คุณกำลังพยายามค้นหาเกี่ยวกับหัวข้อ ปัญหา "มาตรฐานความงาม" ของสังคม และ "การเลือกปฏิบัติ" ต่อคนหน้าตาดีและคนหน้าตาไม่ดี? Popasia นำเสนอเนื้อหาทันทีในหัวข้อของ telemarketing คือ ในโพสต์ด้านล่าง.

ปัญหา "มาตรฐานความงาม" ของสังคม และ "การเลือกปฏิบัติ" ต่อคนหน้าตาดีและคนหน้าตาไม่ดี | เว็บไซต์ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์สูงสุด.

ดูรายละเอียดในวิดีโอด้านล่าง

รูปภาพธีมtelemarketing คือจัดทำโดย Popasia.

ปัญหา "มาตรฐานความงาม" ของสังคม และ "การเลือกปฏิบัติ" ต่อคนหน้าตาดีและคนหน้าตาไม่ดี
ปัญหา "มาตรฐานความงาม" ของสังคม และ "การเลือกปฏิบัติ" ต่อคนหน้าตาดีและคนหน้าตาไม่ดี

คุณสามารถดูข้อมูลที่เป็นประโยชน์เพิ่มเติมได้ที่นี่: ดูข้อมูลเพิ่มเติมที่นี่.

เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับปัญหา "มาตรฐานความงาม" ของสังคม และ "การเลือกปฏิบัติ" ต่อคนหน้าตาดีและคนหน้าตาไม่ดี.

ร่วมเป็นผู้สนับสนุนให้เรามีกำลังผลิตงานต่อไปได้ทาง บัญชีกสิกรไทย
0731208522
บริษัท สโป๊คดาร์ค จำกัด

ถกถาม EP5 รัศมีแข โฟกัส จีระกุล ลูกกอล์ฟ แม็กซ์ เจนมานะ พ่อหมอ จะมาคุยกันเรื่องหน้าตา รูปลักษณ์ ที่เป็นต้นทุนทางสังคมในแบบที่เราไม่รู้ตัว ทั้งเกี่ยวและไม่เกี่ยวกับวงการบันเทิง การทำศัลยกรรมความงาม ที่ถึงจะออกมาดีแต่กลับยังสั่นคลอน Self-Esteem (ความนับถือตนเอง) สื่อกระแสหลักมีผลมากน้อยแค่ไหนในการนิยามความงามให้สังคม

#BeautyPrivilege #ปัญหาสังคม #จิตวิทยา.

เรา หวังว่า ข้อมูล เกี่ยวกับ telemarketing คือ ที่เรานำเสนอจะ มีประโยชน์ สำหรับคุณ.

การค้นหาที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อ ปัญหา "มาตรฐานความงาม" ของสังคม และ "การเลือกปฏิบัติ" ต่อคนหน้าตาดีและคนหน้าตาไม่ดี.

telemarketing คือ

ความสวยความงาม,รัศมีแข,โฟกัส,ลูกกอล์ฟ,แม็กซ์ เจนมานะ,พ่อหมอ,ถกถาม,การเมือง,สิทธิ

#ปญหา #quotมาตรฐานความงามquot #ของสงคม #และ #quotการเลอกปฏบตquot #ตอคนหนาตาดและคนหนาตาไมด

28 thoughts on “ปัญหา "มาตรฐานความงาม" ของสังคม และ "การเลือกปฏิบัติ" ต่อคนหน้าตาดีและคนหน้าตาไม่ดี | Popasia

  1. ฟหหฟ กกกห says:

    ที่น่ากลัวคือ คนส่วนใหญ่มองเห็นความบกพร่องในร่างกายตนและพยายามแก้ไขหรือปกปิดมัน แต่ ไม่เคยมองเห็นความบกพร่องทางความคิด ศ๊ลธรรม และสิ่งที่ตนกระทำต่อคนอื่น
    กลับมองว่าสิ่งนั้น น่าภูมิใจ ยกย่อง และ สวยงามที่สุด

  2. Krystal girls says:

    เพิ่งโดนมาเลยค่ะ เราหน้ากลม ดั้งก็ไม่ค่อยมี คางก็สั้น วันนี้ขอให้คนถ่ายรูปให้เค้าก็ดูไม่ตั้งใจถ่ายให้จนเรารู้สึกเองเลยเดินออกมาหันไปเห็นเค้าก็ถ่ายให้คนอื่นเต็มใจมากกก จนเรางง พอมาเจอคลิปนี้เริ่มรักตัวเองมากขึ้น จริงๆเราก็สวยในแบบของเรานี่หว่าทำไมต้องไปสนใจคนอื่นด้วยว่ะ

  3. suntharow says:

    ดูรายการนึกถึงสมัยเรียน วิชาปรัชญา อาจารย์จะให้หัวข้อมา แล้วไปทำการบ้านหาข้อมูลมา ไม่มีการแยกฝ่าย แล้วสัปดาห์ถัดไป มานั่งถกกัน อวกาศเป็นอนันต์หรือป่าว มันทำให้เราคิดในมิติต่างๆกัน แล้วเอาเหตุผลข้อมูลมาซัพพอร์ต เมืองไทยควรมีอะไรแบบนี้เยอะๆ

  4. Pala Palm says:

    แต่คือเรามองว่าการเลือกปฏิบัติมันก็ไม่ผิดนะ มันเหมือนกับการที่เค้าตัดสินใจแล้วอ่ะว่าจะปฏิบัติกับคนนี้แบบนึง อีกคนแบบนึง คล้ายกับกรณีเพื่อนสนิทกับเพื่อนไม่สนิทอ่ะ เราก็เลือกปฏิบัติต่างกันมั้ยอ่ะ คือมันเหมือนเป็นการที่เค้าเต็มใจจะปฏิบัติกับคนสวยแบบนี้ และเต็มใจจะปฏิบัติกับคนไม่สวยอีกแบบ ซึ่งเราก็ไม่มีสิทธิไปบังคับให้เค้าไปปฏิบัติกับคนที่เค้าไม่อยากจะทำให้อ่ะ คนไทยก็ชอบเรียกร้องให้เคารพสิทธิ/ความเห็นคนอื่นไม่ใช่หรอ แต่ทำไมคนที่เลือกปฏิบัติถึงกลายเป็นคนแย่คนเลวหล่ะ ในเมื่อมันเป็นสิ่งที่เค้าเลือกและเต็มใจแล้วอ่ะ #อันนี้คือความเห็นส่วนตัวของเรานะคะ ใครที่เห็นต่างอยากจะแย้งก็แย้งได้ค่ะ เราชอบที่จะได้รับฟังความเห็นของคนอื่นๆดี

  5. นัทธ์ชนัน อังฮะ says:

    หนูโดนมาจากรร.คือหนูเป็นไฝที่จมูกช่ะ ดูจากโปรไฟล์ได้แล้วคือครูที่รร.แล้วเราว่าไฝ แล้วแบบคนรอบข้างบอกให้ไปเอาออกจนหนูคิดจิงๆว่าควรไปเอาออกหรือป่าว แต่หลังๆนี้เลิกคิดไปละ คิดทำไมในเมื่อเกิดมาเเบบนี้ก้ปล่อยให้เป็นแบบนี้เหละไปแคร์คนรอบข้างทำไมหน้าก้หน้าเราถ้าคุณมองแล้วขัดหูขัดตาก็ไม่ต้องมามองคิดไรเยอะ

  6. Mint Min min says:

    งานที่ทำอยู่ เหมือนสมรภูมิ แข่งกันเรื่องความงาม ทุกครั้งที่เจอหน้าเพื่อนร่วมงาน ก็โดนทัก ดำบ้าง อวบไปบ้าง หน้าไม่สวยบ้าง ยังสวยไม่เสร็จบ้าง เราเลยกลัวการไปที่ทำงาน พอไปทำศัลยกรรมมาก็ว่า ปลอมอีกพอไม่ทำก็ว่าอยู่ไปได้ไง คือมันย้อนแย้งกับตัวเองมาก ต้องหนักแน่นกับการอยู่ในสังคมเป็นอย่างมาก ตอนนี้ปล่อยวางในบางอย่าง ส่วนที่ทำมาแล้วกับตัวเองก็ถือว่าเป็นการพัฒนาตัวเอง

  7. Jane Bexii says:

    เอาจริงๆครูเหยียดและเลือกปฏิบัติว่าเจ็บแล้ว แต่คนในครอบครัวหรือญาติเรียกเราแบบเหยียด เลือกปฏิบัติเรากับญาติๆที่อายุไล่ๆกันมันเจ็บกว่าเยอะเลย โดยเฉพาะถ้าคนที่เราโดนเปรียบเทียบด้วยเป็นพี่น้องแท้ๆเรา มันสามารถสร้างบาดแผลให้เราได้ตลอดชีวิตเลยอ่ะ

  8. z lin says:

    ตอนช่วงสอบขึ้นม.4ที่ยังอยู่โรงเรียนเก่าเคยโดนครูพูดว่าคนแบบเราไปสอบที่อื่นไม่ได้หรอกเพราะเขาไม่รับแล้วเราก็สอบที่โรงเรียนเดิมไม่ได้ด้วยเพราะเกรดไม่ถึงหรือถึงเขาก็ไม่ให้สอบ ซึ่งเกรดเราถึงและตอนนี้ก็มีโรงเรียนดีๆอยู่ เราไม่แน่ใจว่าก่อนหน้านี้ไปทำอะไรให้เขาแต่คำพูดของเขาสองสามประโยคมันฝั่งในใจเราตลอดจนถึงตอนนี้ที่ออกมาเกือบปีแล้วเราก็ยังมั่นใจว่าถ้าได้กลับไปโรงเรียนนั้นก็จะใส่ชุดนักเรียนโรงเรียนใหม่ไปกระแทกหน้าเขาบ่อยๆให้เขารู้ว่าเขาคิดผิด

  9. P ii says:

    เราเลย ตอนมัธยมใส่แว่นแล้วโดนอาจารย์เรียก แว่นๆ ไอแว่น จนปิดเทอมเราต้องไปฝึกใส่คอนแทคเลนส์เพราะไม่อยากใส่แว่น มันทำเราเสียความมั่นใจไปเลย ฝั่งใจมากกก แต่พอมาเรียนมหาลัยแล้วสิ่งแบบนี้หายไปกลับมาใส่แว่นกลายเป็นว่าคนชอบมองว่าเรียนเก่ง ทั้งที่กูแค่สายตาสั้นค่าาา แล้วคนก็จะชอบมาคาดหวังเราแบบเหมาะเกาะเราทำงานไรประมาณนั้น

  10. ปรภัค เอกพิทักษ์ดำรง says:

    คิดเหมือนโฟกัสเลย อยากเกิดมาแล้วผอมไปตลอด กินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วน จริงๆก้อพอใจในความเป็นตัวเอง แต่ก็จะมีคนรอบข้างมากมายชอบมายุ่งกับเรางัย มันเลยทำให้เราไม่มั่นใจในตัวเองอยู่เรื่อยๆ ><*

  11. หนึ่งฤทัย lp says:

    สำหรับเราความหล่อสวยไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ มันคือตัวตน มันคือทุกๆอย่างในคนๆนั้น เพราะเราเคยมองคนบางคนหล่อมากสวยมีสเน่ห์มาก แต่พอเรารู้จักตัวตนเขาแล้วเรามองเขาเปลี่ยนไปเลยทั้งๆที่หน้าตาเขาเหมือนเดิม

  12. you make me feel much better says:

    55555555555555555555555555 ขอโทษนะคะแต่ฟังของคนๆนึงแล้วมันฟังไม่ขึ้นจริงๆ คุณไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนมุมมองกลับมาชมว่าใครสวยหลังจากที่เคยมองว่าเค้าไม่สวยก็ได้ค่ะ ไม่ต้องอยากมามีผิวสีแบบเค้าในตอนที่ ณ ปัจจุบันมันเป็นเทรนด์ มังปังปุ ถ้าไม่สามารถยอมรับทั้งหมดที่คนผิวดำเคยถูกเหยียด ทำร้ายทั้งทางกายวาจาใจ อย่าพูดมันเลยค่ะคุณขา อีกเรื่องนึงคือเราไม่จำเป็นต้องยึดติดหรือให้ค่ากับคำว่าสวยได้มั้ยคะ มันควรจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ว่ามันโอเคที่จะอ้วน มันโอเคที่มีผมหยิก ที่มีผิวสี ที่มีรอยแตก ทั้งหมดไม่ได้แปลว่าไม่สวยเลยค่ะ และคำพูดที่ว่าคุณสวยในแบบของคุณเองคือควรตายไปได้แล้วค่ะ สวยก็คือสวย ไม่ต้องมาเพิ่ม สวย จบ

  13. บุคคล นิรนาม says:

    ขอพื้นที่นิดนึงนะคะ หนูเป็นคนนึงที่โดนเลือกปฏิบัติเหมือนกันนะตั้งแต่เด็ก เพราะอาจจะว่าเรามีผิวสีแทน ผมสั้นเท่าติ่งหู อยู่ไม่สวยในสายตาคนอื่น แล้วมีอยู่ครั้งนึง ตอนประถม หนูจำได้ว่ามันเป็นงานกีฬาสี แล้วคือจะมีการเลือกแบบคนเดินพาเหรดแต่งตัวสวยๆ แต่งหน้าแต่งตา แล้วมันจะต้องไปสมัครกับครูที่มีความรับผิดชอบด้านนี้ หนูรู้สึกว่ามันเป็นความทรงจำที่ฝังใจมากในเด็กตอนนั้น คือครูมองหน้าหนู ทำอารมณ์ประมานว่าเออ เธอหรอจะมาเป็นทำแบบนี้ แต่ก็ให้หนูลงชื่อนะคะ สรุปหนูก็ได้เป็น ได้เดินขบวนแต่งหน้าแต่งตานะคะ แต่สิ่งที่หนูได้รับจากการปฏิบัติจากคนรอบๆคือความไม่เท่าเทียม ครูก็จะสนใจคอยเติมหน้าเติมตาให้กับคนที่เขาเองรู้สึกว่า เออนี่ลูกที่ฉันปั้นนะ เด็กคนนี้ที่ต้องเด่น เด็กคนนีั้ต้องสวยที่สุด ในขณะที่หนูได้เป็นคนท้ายๆ ท้ายสุดเลยก็ว่าได้ ที่ครูจะสนใจ เหมือนกับตอนที่หนูดื่มน้ำแล้วลิปสติกมันหลุด พอเรารู้ตัวเองแล้วบอกเขาว่าครูคะ เติมนี่ให้หนูหน่อย แต่ครูก็จะปฏิเสธมาว่าทำไมต้องเติมแค่นี้ก็พอแล้วมั้ง หนูเลยจำมาได้จนถึงทุกวันนี้ว่า เอ่อทำไมเราถึงดูไม่สวยหรอ เราดำแล้วเราไม่สวยหรอ เราเป็นแบบนี้มันผิดหรอ แต่พอโตขึ้นมาหน่อย หนูจึงรู้ว่าก็เราโตมาแบบนี้เราสวยในแบบของเรา พ่อแม่เราก็ผิวสีนี้แล้วเราจะไปมีผิวขาวได้ยังไง แล้วยิ่งอยู่ในประเทศที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์แบบนี้จะเอาตัวเองไปขาวเหมือนอยู่ในเมืองหิมะปกคลุมมันก็ไม่ได้ ก็เลยเปลี่ยนความคิดตัวเองใหม่ แต่สิ่งที่ครูทำกับหนูแบบนั้น หนูก็ไม่ลืมนะคะ ขอบคุณคะ

  14. Paradon Teipparat says:

    เคยโดนเพื่อนรุมเรียกว่า "ไอคอดำ"ด้วยความที่ว่าเราอ้วนมากจนมันเป็นเหมือนขี้ไคลเติมคอ น้ำหนักร้อยยี่กว่า กก.
    และพอไปบอกครู ครูกับด่าเราว่า "ทำไมดูแลตัวเองไม่ได้ คอดำก็ขัดสิ" พร้อมกับทำหน้าแบบเหยียดเรา เราจำได้ตอนนั้น พอกลับบ้านเราเอาน้ำมันกาดขัดจนผิวเราเป็นรอยไหม้ และปัจจุบันนี้ มันกล้ายเป็นป่มเราไปเลย กลายเป็นว่าเราลืมความทรงจำดีๆในตอนนั้นไปเลยกลับคิดแค่เรื่องพวกนี้ และความป่วยของพวกนี้ทั้งครูและเพื่อนเวลาเจอกลับพูดว่า "เพราะฉันด่า,เพราะพวกกูด่ามึงเราพัฒนามาจนถึงวันนี้น่าตาดีขึ้นเยอะ" เลิกสักทีเลิกคิดว่าการที่เราบูลลี่ เราพูดสิ่งที่เราคืดว่าดีจะดีต่อเขา ทำให้เขาดีขึ้น แล้วความรู้ส฿กเราอะมันดีขึ้นไม แล้ววันเวลาจากตอนนี้จนตอนนี้กับเรื่องนี้ มันดีขึ้นหรือเปล่า เลิกคิดว่าดีเพราะกูด่าเพราะไม่ใช้เลย

ใส่ความเห็น