คุณกำลังพยายามค้นหาเกี่ยวกับหัวข้อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (0) พบ (2) ชลบุรี U17 Thailand Youth League 2019 ลีกเยาวชนแห่งชาติ? Popasia นำเสนอเนื้อหาทันทีในหัวข้อของ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (0) พบ (2) ชลบุรี U17 Thailand Youth League 2019 ลีกเยาวชนแห่งชาติ ในโพสต์ด้านล่าง.

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (0) พบ (2) ชลบุรี U17 Thailand Youth League 2019 ลีกเยาวชนแห่งชาติ | หข่าว เกี่ยวกับกีฬา อัพเดทใหม่.

ดูรายละเอียดในวิดีโอด้านล่าง

รูปภาพธีมผล บอล u17จัดทำโดย Popasia.

บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (0) พบ (2) ชลบุรี U17 Thailand Youth League 2019 ลีกเยาวชนแห่งชาติ
บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (0) พบ (2) ชลบุรี U17 Thailand Youth League 2019 ลีกเยาวชนแห่งชาติ

บทความอื่น ๆ กล่าวถึง หน้าข้อมูลเกี่ยวกับเกมข่าว เกี่ยวกับกีฬา อัพเดทใหม่ที่นี่: https://popasia.net/sport.

ดูบทความที่เกี่ยวข้องเพิ่มเติมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (0) พบ (2) ชลบุรี U17 Thailand Youth League 2019 ลีกเยาวชนแห่งชาติ.

สนับสนุนช่องได้ที่ ► เลขบัญชี : 429-049120-1 ธนาคารไทยพาณิชย์ หรือ ► เลข : 097-0314076 ทรู วอลเล็ท พีระพงศ์ทรงธรรม Semi-Finals ..

https://popasia.net หวังว่า ความรู้ เกี่ยวกับ ผล บอล u17 ที่เรานำเสนอจะ มีประโยชน์ สำหรับคุณ.

ผู้คนกำลังมองหาหัวข้อ บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (0) พบ (2) ชลบุรี U17 Thailand Youth League 2019 ลีกเยาวชนแห่งชาติ.

ผล บอล u17

Thailand,Youth,League,2019

#บรรมย #ยไนเตด #พบ #ชลบร #U17 #Thailand #Youth #League #ลกเยาวชนแหงชาต

4 thoughts on “บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด (0) พบ (2) ชลบุรี U17 Thailand Youth League 2019 ลีกเยาวชนแห่งชาติ | เว็บไซต์นำเสนอ ข่าวสารเกี่ยวกับกีฬา

  1. Thailand Youth Football says:

    วินัยนอกสนามของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เริ่มต้นตั้งแต่อายุ 12 ขวบ

    ดาวเตะ "ม้าลาย" กระโดดลอยตัวกลางอากาศด้วยความสูง 2.56 เมตร และลอยตัวได้นานถึง 1.5 วินาที ซึ่งการทำประตูด้วยลูกโหม่งลักษณะนี้สำหรับ "โรนัลโด้" ถือว่าเป็นเรื่องง่ายเพราะเจ้าตัวก็ทำให้เห็นบ่อยๆ และมันเกิดขึ้นจากการออกกำลังกายที่ขาอย่างหนักหน่วง ดูแลความฟิตให้อยู่ใน 100% เสมอ

    กุญแจสำคัญอยู่ที่การออกกำลังกายเทรนนิ่งที่ขาทั้งสองข้าง โรนัลโด้ ทำสิ่งนี้มาตั้งแต่อายุ 12 ปี วิธีการคือกระโดดขึ้นลงโดยแบกลูกเหล็กถ่วงน้ำหนักด้วย ต่อด้วยการทำสควอดที่ขาทั้งสองข้าง และสลับทำด้วยขาข้างเดียว รวมถึงการกระโดดขึ้น-ลง บนกล่อง และกระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง ทำซ้ำๆทุกวันจนกล้ามเนื้อขาได้รูป
    โรนัลโด้ ซิทอัพ 1,000 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านั้น ทำแบบนี้มาตั้งแต่อายุ 13 ปี และใช้เวลากับการออกกำลังกายด้วยการว่ายน้ำซึ่งเปฺนวิธีการออกกำลังที่ดีและเยี่ยมที่สุดต่อร่างกายทุกส่วน ขณะเดียวกันการนอนและการผ่อนคลายเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับที่เขามักทำอย่างสม่ำเสมอ ด้วยการใช้เวลานอนหลับอย่างน้อย 8 ชั่วโมงต่อคืน

    ฟอนเต้ ที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมในสมัยเยาวชนของ โรนัลโด้ ที่สปอร์ตต้ิง ลิสบอน ได้ออกมาเปิดเผยถึงเพื่อนร่วมทีมว่า “ตอนนั้นผมอายุ 14 ปีผมยังจำได้ตอนที่เขาวิดพื้นในตอนที่อาบน้ำ เขาทำทุกอย่างหนักและมากกว่าคนอื่นเสมอ”

    ซึ่งการออกกำลังกายแบบบอดี้เวท วิดพื้น ซิทอัพ ว่ายน้ำ ในช่วงอายุ 10-16 ปีนั้นสามารถทำได้ไม่ส่งผลกระทบใดๆต่อความสูง สิ่งต้องห้าม คือการยกเหล็กเวทหนักๆเกินไปเพียงเท่านั้น

    อาหารการกินเป็นสิ่งสำคัญสุดๆ เมนูที่ CR7 ทานเป็นประจำคือเนื้อปลา ไข่ เนื้อสัตว์ น้ำตาลเล็กน้อยและอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง ผสมกับอาหารเสริมต่างๆ กินอย่างมีวินัยไม่ตามใจปาก ผลที่ออกมาคือร่างกายมีมวลไขมันเพียงแค่ 3% พอๆกับนางแบบมืออาชีพ จนสามารถกระโดดได้สูงอย่างที่เห็นกัน

    ศักยภาพแบบนี้แสดงให้เห็นว่า โรนัลโด้ มีสภาพร่างกาย และวินัยที่ดีเยี่ยมมาตั้งแต่เด็ก สมเป็นนักกีฬาอาชีพ
    เคล็ดไม่ลับที่ โรนัลโด้ ไม่เคยปกปิดเลยในการทำให้ร่างกายของเขาแกร่งดั่งภูผาหินโดยเจ้าตัวมีปัจจัยสำคัญเพียงไม่กี่อย่าง แต่กระนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมากๆ สำหรับคนที่ขาดระเบียบวินัย โดยปัจจัยแรกก็คือการทุ่มเทเวลาในการเข้าโรงยิมอย่างสม่ำเสมอ แต่เขาจะเน้นการออกกำลังแบบ พิลาทีส ( Pilates) เป็นหลักโดยโฟกัสไปที่การออกกำลังกายด้วยแรงต้านเพื่อทำให้แกนกลางร่างกายแข็งแรง

    การออกกำลังกายหลังเกมก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่เจ้าตัวทำเป็นประจำ เพราะหากเป็นนักเตะบางคนอาจจะเลือกใช้เวลาอยู่กับการนั่งหน้าจอทีวีหลังจบการแข่งขัน แต่เขาเลือกที่จะไปที่สระว่ายน้ำ
    โรนัลโด้จะว่ายน้ำร่วมกับ คริสเตียโน่ จูเนียร์ ลูกชายของเขา ซึ่งมันไม่ใช่แค่ช่วยให้เขาร่างกายของเขาผ่อนคลายจากการทำงานหนัก แต่ยังช่วยให้เขาได้สร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายด้วย การว่ายน้ำเป็นการออกกำลังกายแบบฟูลบอดี้ (ออกกำลังกายทั้งตัว) ที่ชาญฉลาดมากๆ เพราะกล้ามเนื้อแขน, แกนกลาง และขาได้ใช้งานอย่างเต็มที่

    อย่างไรก็ตามการทุ่มเทออกกำลังกายจะกลายเป็นเรื่องไร้ค่าทันทีถ้าเขาไม่ใส่ใจเรื่องการรับประทานอาหารให้เหมาะสม โดย โรนัลโด้ ไม่ใช่พวกมังสวิรัติหรือเน้นกินพวกพืชเป็นหลัก แต่เจ้าตัวจะจำกัดเรื่องการกินเนื้อสัตว์เพราะมีไขมันสูง ฉะนั้นเนื้อที่สำคัญก็คือเนื้อปลา
    "ผมต้องกินอาหารที่มีโปรตีนสูง พร้อมกับพวกแป้งโฮลเกรน, ผลไม้ และผัก โดยจะเลี่ยงพวกอาหารที่มีน้ำตาลสูง"

    "ผมต้องกินอย่างสม่ำเสมอ ถ้าคุณฝึกซ้อมอย่างต่อเนื่องสิ่งสำคัญก็คือการมีระดับพลังงานที่สูงเพื่อที่จะทำให้ร่างกายได้เผาผลาญซึ่งจะทำให้ฟอร์มการเล่นดียิ่งขึ้น บางครั้งผมก็สอยอาหารเป็น 6 มื้อเล็กๆ ต่อวันเพื่อให้มั่นใจผมจะมีพลังงานมากพอสำหรับการฝึกซ้อมในระดับสูงทุกวัน" โรนัลโด้ กล่าว

    บุคคลสำคัญที่ทำให้ โรนัลโด้ มีความมุ่งมั่นในการดูแลตัวเองก็คือ โดโลเรส อเวยโร่ คุณแม่บังเกิดเกล้าของเขา โดยเธอมักใช้เวลาอยู่ที่บ้านของลูกชายหัวแก้วหัวแหวน เพื่อทำอาหารและต้องแน่ใจว่าเขาจะเข้มงวดกับเรื่องอาหารอย่างเหมาะสม

  2. Thailand Youth Football says:

    จากร่างกายที่อ่อนแอในวัยเด็กผลักดันเขาให้มาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่แข็งแรงที่สุดในโลกช่วงปี 2006-2020 คริสเตียโน่ โรนัลโด้ กล่าวถึงจุดเริ่มต้นของวินัยในการสร้างร่างกายให้แข็งแกร่งตั้งแต่วัย 11 ปี

    "ย้อนกลับไปตอนอายุ 11 ปี ผมจำได้แม่นยำ ผมได้ยินเด็กสองคนคุยกันและบอกว่า ทักษะของผมยอดเยี่ยมในระดับปีศาจ ตอนนั้นผมฟังมันและปลื้มมาก มีแต่คนบอกแบบเด็กสองคนนั้นตลอดเวลา แม้แต่โค้ชในทีมก็พูดแบบนั้นกับผม แต่ครั้งหนึ่งผมได้ยินพวกเขาพูดในสิ่งที่ต่างออกไป และจากนั้นก็ได้ยินมากขึ้นเรื่อยๆ มันเป็นคำพูดที่บอกว่า 'ใช่เขาเก่งจริงๆนั่นแหละ แต่โชคร้ายที่เขาตัวเล็กเกินกว่าจะทำอะไรได้ดีกว่านี้"

    "ทุกอย่างที่คนอื่นพูดคือเรื่องจริง ผมตัวผอม ไม่มีกล้ามเนื้อเลย ตั้งแต่วันนั้นผมตัดสินใจเปลี่ยนตัวเองใหม่ ในวัย 11 ปี ผมรู้ดีว่าผมเป็นเด็กที่เก่งมาก แต่ผมอยากจะพยายามให้หนักมากกว่าคนอื่นๆ ผมเลยหยุดเล่นสนุกเหมือนเด็ก หยุดทำตัวเหมือนเด็ก และตั้งใจว่าจะทุ่มเทฝึกทุกด้านจนผมกลายเป็นนักเตะที่เก่งที่สุดในโลก"

    "ผมเองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันมาจากไหน แต่มันดังในหัวใจของผมอยู่ตลอด มันเหมือนกับความหิวกระหายที่กินเข้าไปเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม เมื่อผมลงเล่นและแพ้ผมจะกระหายขึ้นอีก และเมื่อชนะผมก็อยากจะชนะให้มากกว่าเดิม นั่นคือสิ่งที่เดียวที่ผมอธิบายถึงตัวเองได้ ผมเริ่มแอบออกจากหอพักตอนกลางคืน เพื่อไปออกกำลังกายเพิ่มให้ตัวของผมใหญ่ขึ้น ทั้งการบอดี้เวท โดยการวิดพื้น ซิตอัพ โหนบาร์ และว่ายน้ำ"

    บ้านของโรนัลโด้ เป็นเหมือนกับบ้านของปีศาจ ซึ่งแม้แต่เพื่อนร่วมทีมอย่าง ปาทริซ เอฟร่า ยังเคยเล่าถึงการไปเยือนบ้านของ โรนัลโด้ ว่าคือฝันร้ายอย่างแท้จริง เพราะ โรนัลโด้ จ้องจะฝึกเพิ่มเติมตลอดเวลา ซึ่งแม้จะมีนักเตะหลายคนที่ทำแบบนั้น แต่ เอฟร่า ยืนยันว่ากิจกรรมยามอยู่กับบ้านของ โรนัลโด้ เหมือนไม่ใช่คน แต่เหมือนกับเครื่องจักรที่ไม่เคยหยุดฝึกซ้อมเลย

  3. Thailand Youth Football says:

    การบอดี้เวทเป็นการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพในการเล่นฟุตบอลตั้งแต่ในระดับเยาวชนไปจนถึงเล่นลีกอาชีพ วินเฟรด เชฟเฟอร์ อดีตโค้ชทีมชาติไทยเคยกล่าวว่า

    "ถ้านักฟุตบอลไทยมีวินัยในฝึกพัฒนาร่างกายหนักแบบนักมวยไทย ทีมชาติไทยคงได้ไปบอลโลกนานแล้ว" ความคล้ายคลึงของคริสเตียโน่ โรนัลโด้กับนักมวยไทยคือเริ่มฝึกบอดี้เวทตั้งแต่อายุ 11 12 ขวบ อาทิการวิ่งในตอนเช้า การซิทอัพ การวิดพื้น การใช้กำลังโดยใช้บาร์เป็นตัวต้านหรือโหนบาร์ การว่ายน้ำ จากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์การกีฬาพบว่าการโหนบาร์ และว่ายน้ำมีส่วนช่วยในการเพิ่มความสูงของนักกีฬาในช่วงวัยรุ่น

    จากการสังเกตพบว่า การฝึกหนักพัฒนาร่างกายบอดี้เวทแบบนักมวยไทยตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ทำให้ร่างกายของนักมวยไทยเมื่ออายุเลย20ปีขึ้นไปโดยธรรมชาติ มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง แกร่ง และทนทานกว่านักมวยคิ๊กบ๊อกซิ่ง ของจีน เกาหลีใต้ และญี่ปุ่น ดังนั้นสมมุติฐานนี้ถ้านำการบอดี้เวทแบบนักมวยไทยมาใช้กับฟุตบอลไทยบ้าง นักฟุตบอลไทยจะมีร่างกายที่แกร่งกว่านักฟุตบอลญี่ปุ่น และมีพละกำลังพลังที่มากกว่านักฟุตบอลเกาหลีใต้เมื่อร่างกายโตเต็มที่ หากมีการพัฒนาร่างกายอย่างจริงจังโดนการบอดี้เวทตั้งแต่อายุ 11 ขวบ ทีมชาติไทยจะลบจุดอ่อนเรื่องร่างกายไปได้

    การบอดี้เวทตั้งแต่อายุ 11 ขวบนั้นไม่มีผลต่อความสูง เพราะไม่ใช่การเวทเทรนนิ่ง ความเชื่อนี้ควรได้รับการปลูกฝังใหม่ ตัวอย่างนักมวยไทยที่บอดี้เวทตั้งแต่อายุ 11 ขวบ เช่นตะวันฉาย มีส่วนสูงถึง 180 เซนติเมตร และอีกหลายๆคน รวมถึงนักฟุตบอลอย่าง โรนัลโด้ ที่บอดี้เวทมาตั้งแต่อายุ 11 ขวบแต่มีส่วนสูงถึง 187 เซนติเมตร และการบอดี้เวทพัฒนาร่างกายในวัยเด็กยังมีผลต่อการกระโดดลอยตัวที่สูงที่สุดในโลกของโรนัลโด้เมื่อเทียบกับบรรดาอาชีพนักฟุตบอลรายอื่นๆ

    วีดีโอ ความสูง ร่างกายและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อของนักมวยไทยอย่างตะวันฉาย เมื่อเทียบกับร่างกายชาวยุโรป – youtu.be/sydT4MXYTgs

  4. Thailand Youth Football says:

    วีดีโอแนวทางการฝึกหนักเพื่อพัฒนาขีดความสามารถของร่างกายและเบสิคในการเล่นฟุตบอล ของ ซน ฮึง-มิน
    ในวัย 16-17 ปี : http://youtu.be/omi9xJeq2nk

    "ตอนผมยังเด็ก พ่อก็มาซ้อมกับผมทุกวัน วันละสองครั้ง ปกติพ่อจะสอนเทคนิค การเล่นบอลสองเท้าและอะไรอื่นๆ มันไม่ง่ายเลยนะเพราะว่าพ่อไม่เคยยอมให้ผมโดดซ้อมเลยแม้แต่ครั้งเดียว แต่พ่อรู้เรื่องฟุตบอลเยอะมากก็เลยซ้อมกันได้ดี ถ้าตอนนี้มองย้อนหลังกลับไปก็ต้องบอกว่าผมมีวันนี้ได้เพราะพ่อ เราไม่สามารถเป็นนักเตะที่เก่งถ้าไม่ซ้อมหนักกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เรื่องเบสิคฟุตบอล ซ้อมแล้วซ้อมอีกอยู่ตลอดเวลา ผมบอกพ่อว่าผมอยากจะเป็นนักฟุตบอลอาชีพจริงๆ เพราะว่าฟุตบอลอยู่ในสายเลือดของผม ผมจึงฝึกซ้อมอย่างหนักเป็นประจำโดยมีความฝันว่าสักวันหนึ่งจะได้ไปเล่นในยุโรปและพรีเมียร์ลีก"

    คำพูดของ ซน ฮึง-มิน

    นักฟุตบอลชาวเกาหลีใต้ปัจจุบันเล่นให้กับทีม ทอตนัมฮอตสเปอร์ ในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ และทีมชาติเกาหลีใต้ แต่เดิมเป็นนักเตะของเอฟซีโซล ก่อนที่จะเข้าร่วมกับสโมสรเยาวชนฮัมบูร์เกอร์เอสเฟา

    สำหรับ ชนาธิป กับ ซน ฮึง-มิน มีความคล้ายกันอย่างมาก ในเรื่องการฝึกฟุตบอลในวัยเด็ก คือ การฝึกหนัก ให้ความสำคัญกับเบสิคพื้นฐานเป็นหลัก

    1. ทั้ง 2 ไม่ได้มีโอกาสอยู่ในทีมอคาเดมี่หรือโรงเรียนที่มีชื่อเสียงของประเทศตั้งแต่ยังเล็ก แต่กลับประสบความสำเร็จ มีฝีเท้าดีมากกว่าใครๆในประเทศเมื่อโตขึ้น

    2. วินัยการฝึกสูง และบังคับตัวเอง วันละ 2-3 เวลา ประกอบกับความใส่ใจของพ่อ ในการกำชับให้ฝึกหนัก และห้ามขาดซ้อมแม้แต่ครั้งเดียว

    3. ฝึกเบสิคพื้นฐานซ้ำๆวนไปวนมา จนชิน ทั้ง 2 เท้า ส่งบอล แปบอล ชิ่งบอล จับบอล และ ศรีษะ ทุกๆวัน

    หากอยากเป็นนักฟุตบอลที่มีคุณภาพในอนาคต ค้าแข้งในต่างประเทศได้ สิ่งสำคัญคือให้ความสำคัญกับการฝึกเบสิคพื้นฐานฟุตบอลซ้ำๆ วนไปวนมา จับบอลเชื่องเท้า2เท้า แปบอล2เท้าส่งบอลสั้นยาวด้วย2เท้า ไปกับบอลเลี้ยงบอล ชิ่งบอล คลึงบอล โหม่งบอลไปยังจุดหมาย ยิงประตู ให้ความสำคัญกับเบสิคของตัวเองมากกว่าการไปลงทีมแข่งให้ต้นสังกัด ถ้าฝึกลงทีมกับต้นสังกัดเพื่อนร่วมทีมเท่าไรให้คิดเป็นแค่เพียง 20-30% ของโปรแกรมฝึก น้องต้องใช้เวลาฝึกเบสิคเพิ่มเติมส่วนตัวไปอีก 70-80% จึงจะครบ 100%ของโปรแกรมฝึก ตรงนี้เป็นจุดอ่อนของนักฟุตบอลไทยในอดีต คือเบสิคพื้นฐานไม่แน่นเพราะขาดวินัยการบังคับตัวเอง หากน้องๆฝึกเบสิคพื้นฐานส่วนตัวอย่างจริงจัง และมีวินัยแล้ว บังคับตัวเองได้ ก็จะสามารถเป็นนักฟุตบอลที่มีคุณภาพได้ จงฝึกเบสิคให้หนักการฝึกเบสิคหนักกว่าคนอื่นมีแต่จะทำให้น้องแกร่งขึ้นกว่าคนอื่น และไปยืนอยู่ในลีกระดับสูงกว่าคนอื่นในอนาคต ทำงานหนักอย่างมีความสุข อย่ายอมแพ้

ใส่ความเห็น